Social Icons

Featured Posts

พื้นฐาน SQL คำสั่ง SELECT

              
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาพูดถึง คำสั่งต่างๆใน SQL  กันครับ ภาษา SQL มีชื่อเต็มว่า
Structured Query Language หรือเรียกย่อๆว่า  SQL เป็นภาษที่เราใช้ในการจัดการฐานข้อมูล (Database) โปรแกรมฐานข้อมูลที่ใช้กันส่วนใหญ่ ก็จะมี MYSQL,Oracle,SQL Server,Microsoft Access,DB2 เป็นต้น  มาเริ่มกันที่คำสั่งแรกกันเลยครับ
คำสั่งแรกคือคำสั่ง
SELECT
เป็นคำสั่งที่ใช้เรียกข้อมูลที่อยู่ใน TABLE ที่เราต้องการ โดยจะสามารถเลือก Column ที่ต้องการให้แสดงหรือให้แสดงข้อมูลทุก Column  ก็ได้มาดูตัวอย่างกันครับ


SELECT COLUMN_NAME1,COLUMN_NAME2 FROM TABLE_NAME;

จากตัวอย่างข้างบนนี้ เราจะเลือกให้แสดงแค่สอง COLUMN เท่านั้น หากต้องการมากกว่านี้ก็ใส่ชื่อ COLUMN เพิ่มเข้าไป
และถ้าหากเราต้องการให้แสดงทุก COLUMN_NAME เราจะใช้เครื่อง "*" ในการแสดงข้อมูลแทน COLUMN_NAME มาดู
ตัวอย่างกันครับ
SELECT * FROM TABLE_NAME;
ต่อมาถ้าเราต้องการใช้เงื่อนไขในการแสดงข้อมูลที่เราต้องการล่ะ เราจะทำยังดีไง ซึ่งบางทีเราอาจไม่ได้ต้องการข้อมูลทุก ROW นี่ ดังนั้นเราจึงต้องใช้คำสั่ง WHERE มาช่วย ซึ่งจะเอา COLUMN_NAME มาเปรียบเทียบกับ VALUE ใน COLUMN_NAME นั้นๆ  ใช้ง่ายๆครับคำสั่งนี้
SELECT * FROM TABLE_NAME WHERE COLUMN_NAME = VALUE;
สรุปนะครับ คำสั่ง SELECT เป็นคำสั่งที่ใช้ในการแสดงข้อมูลของ TABLE ที่เราต้องการ โดยการแสดงข้อมูลนั้นมีทั้งแบบมีเงื่อนไขและไม่มีเงื่อนไข แล้วแต่รูปแบบของงานนั้น


read more "พื้นฐาน SQL คำสั่ง SELECT"

เริ่มต้นเขียนโปรแกรมบน Android


เริ่มต้นจาก การรู้จักเว็บ Android Developers http://developer.android.com  ภายในหน้านั้น ก็จะประกอบด้วยเนื้อหาต่างๆ ให้เราอ่านดูเล่น ไม่ต้องสนใจอะไรมากครับให้เรากดที่ Tab SDK เพื่อดาว์นโหลด Android SDK เช่นandroid-sdk_r06-windows.zip 
จากนั้น ต่อไปเราก็ต้องไปโหลดเครื่องมือพัฒนา โดยในเว็บผมเห็นมีแต่แนะนำ Eclipse IDE ซึ่งสามารถเข้าไปโหลดได้ที่http://www.eclipse.org/downloads  ซึ่งมันสามารถใช้ได้แค่ Eclipse 3.4 (Ganymede) หรือ Eclipse 3.5 (Galileo) ผมก็จะแนะนำ 3.5 ก็แล้ว กัน เพราะมันคือ version ที่ใหม่กว่าน่าจะดีกว่ามั่ง(อันนี้ไม่รู้) ซึ่งสามารถเข้าดาว์นโหลดได้ที่ http://www.eclipse.org/downloads/packages/release/galileo/sr2 
eclipse จะสามารถที่จะรันได้ จำเป็นต้องมี JDK สามารถดาว์นโหลดได้ที่http://java.sun.com/javase/downloads/widget/jdk6.jsp 
จากนั้น unzip eclipse แล้วทำการรันโปรแกรม eclipse ขึ้นมา เพื่อทำการติดตั้ง ADT หรือชื่อเต็มๆ ว่า Android Development Tools
ขั้นตอนการติดตั้ง ADT
  1. เปิด Eclipse
  2. ไปที่ Help > Install New Software
  3. กดที่ ปุ่ม Add
  4. ให้เรากรอกข้อมูล Location เป็น https://dl-ssl.google.com/android/eclipse/ แล้วก็ตั้งชื่อ เสร็จแล้วกดปุ่ม OK
  5. รอการตรวจสอบจาก จะได้ดังรูป เสร็จแล้วให้เรากด เลือก Checkbox Developer Tools แล้วกด Next เรื่อยๆ จนกว่าจะมีปุ่ม Finish
  6. จากนั้น กดเลือกทั้ง 2 อย่าง แล้วกด Next ระบบก็จะทำการดาว์นโหลด
  7. เมื่อดาว์นโหลดเสร็จแล้วกด Finish จากนั้นให้เปิด eclipse ใหม่อีกครั้ง
  8. เมื่อเปิด eclipse ใหม่อีกครั้งคราวนี้เราจะเห็นว่ามี Android SDK and ADV Manager
    อยู่ใน Window > Android SDK and ADV Manager
  9. ให้เราทำการติดตั้ง Packages ต่างๆ ของ Android จะเลือกหมดก็ได้หรือจะเลือกตามที่ต้อง การพัฒนาอย่างเดียวก็ได้ เสร็จแล้วกด Install Selected
  10. ให้ไปดูที่ Install Packages จะเห็นว่ามี package ไหนได้ถูกติดตั้งไปบ้าง
  11. ต่อไปให้เราไปที่ Virtual Devices เพื่อสร้างตัวจำลองขึ้นมา 1 ตัวไว้ใช้ทดสอบ
  12.  เพียงเท่านี้ก็ติดตั้ง eclipse เพื่อที่จะได้พัฒนา Android ต่อไป
ทดสอบสร้าง Project
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ตอนนี้สามารถพัฒนา โดยใช้ Current Location ของคุณเป็น United States ได้เท่านั้น
สร้างโปรโจคก็เหมือนกัยสร้าง Java Project แต่เปลี่ยนเป็น Android Project
เสร็จแล้วตั้งค่าต่างๆ ตามตัวอย่างก็ได้
ใส่ข้อมูลแล้วก็ Finish ได้เลย แล้วรอระบบบิ้วนิดหน่อย ก็สามารถทดลองรันได้เลย
หาก Error โปรดตรวจสอบว่า Current Location ของคุณเป็น United States หรือยัง


read more "เริ่มต้นเขียนโปรแกรมบน Android"

การ monitor Cisco Router

การมอนิเตอร์ Cisco Router ด้วยคำสั่ง ip route-cache flow และ show ip cahce-flow



บทนำ
ip route-cache flow
เป็นการ enable NetFlow สำหรับ IP routing โดยในการใช้งานให้ใช้คำสั่ง ip route-cache flowใน interface configuration mode ส่วนการ disable NetFlow ก็ใช้คำสั่ง no ดังนี้

ip route-cache flow เพื่อ enable
no ip route-cache flow เพื่อ disable

show ip cache flow
ใข้สำหรับแสดงผมรวม (summary) ของสถิติ NetFlow) โดยการใช้งานให้ใช้คำสั่ง show ip cache flow ดังนี้

show ip cache flow

ประโยชนที่จะได้รับ
เราสามารถมอนิเตอร์ดูสถิติของ NetFlow ของ Interface ที่ต้องการได้

ตัวอย่างการคอนฟิก
ในที่นี้สมมุติว่าเราสนใจสถิติ NetFlow ของ F0 ก็สามารถคอนฟิกได้ดังต่อไปนี้ :

Router#
Router#conf t
Enter configuration commands, one per line. End with CNTL/Z.
Router(config)#int f0
Router(config-if)#ip route-cache flow
Router(config-if)#exit
Router(config)#exit

และใช้คำสั่ง sh ip cache flow ดังต่อไปนี้เพื่อดูสถิติ NetFlow

Router#sh ip cache flow

ซึ่งจะได้ผลลัพท์ดังรูปที่ 1





รูปที่ 1

แต่เนื่องจากในรูปที่ 1 เป็น router สำหรับการทดลองจึงมีสถิติของข้อมูลน้อย จึงให้ดูสถิติของข้อมูลที่มากกว่าจาก router อีกตัว ดังรูปที่ 2



ขอบคุณครับ Compspot.net
read more "การ monitor Cisco Router"

การทำ dhcp แบบง่าย ๆ บน Cisco


การทำ dhcp แบบง่าย ๆ บน Cisco




credit itwizard







รูป DHCP Request for an ip ADDRESS from a DHCP Server

รู้สึกว่าจะใช้ได้กับ ISO 12.1 เป็นต้นไปนะครับ

ขั้นตอนการทำสมมุติว่าเรากำหนดค่า IP Address และค่าที่สำคัญต่าง ๆ เป็นดังนี้
1. Network 192.168.1.0/24
2. Default Route 192.168.1.1
3. DNS Server 192.168.1.2 , 192.168.1.3
4. IP ที่สงวนไว้เผื่อใช้กับ Server 192.168.1.4-192.168.1.10
5. Domain Name เป็น itwizard.info
6.ค่า Lease Time เป็น 30 วัน

ก็สามารถคอนฟิกเป็นดั้งนี้
1. Router(config)#ip dhcp excluded-address 192.168.1.1 192.168.1.10
2. Router(config)#ip dhcp pool network1
3. Router(dhcp-config)#network 192.168.1.0 255.255.255.0
4. Router(dhcp-config)#domain-name itwizard.info
5. Router(dhcp-config)#dns-server 192.168.1.2 192.168.1.3
6. Router(dhcp-config)#default-router 192.168.1.1
7. Router(dhcp-config)#lease 30
หรือ Router(dhcp-config)#lease 0 12
หรือ Router(dhcp-config)#lease 6 12 30
8. Router(dhcp-config)#ctrl+z
9. Router#write memory

คำอธิบาย
บรรทัด 1 ยกเว้นไม่จ่าย ip 192.168.1.1-192.168.1.10 ให้กับเครื่อง Clients
บรรทัด 2 เริ่มคอนฟิก dhcp โดยตั้งชื่อ poll ว่า network1
บรรทัด 3 ใส่ค่า Network ให้กับการคอนฟิก เพื่อจะได้รู้ว่าจะจ่ายช่วง ip ไหนให้กับ clients
บรรทัด 4 เป็นค่า domain-name ที่จะจ่ายให้เครื่อง clients
บรรทัด 5 เป็นค่า dns-server ที่จะจ่ายให้เครื่อง client ถ้ามีหลายเครื่องใช้ space แยกระหว่างกัน
บรรทัด 6 เป็นค่า gate way ที่จะจ่ายให้กับ client
บรรทัด 7 เครื่อง client สามารถครอบครอง ip ที่ได้รับเป็นเวลา 30 วัน
หรือ เครื่อง client สามารถครอบครอง ip ที่ได้รับได้เป็นเวลา 12 ช.ม
หรือ เครื่อง client สามารถครอบครอง ip ที่ได้รับได้เป็นเวลา 6 วัน 3 ช.ม. 30 นาที
บรรทัด 8 ออกจากโหมด config
บรรทัด 9 บันทึกข้อมูล



"การให้...คือสิ่งที่เรามี"
จาก::http://www.compspot.net/index.php?option=com_content&task=view&id=64&Itemid=46
read more "การทำ dhcp แบบง่าย ๆ บน Cisco"

รวมคำสั่งการ Set Router ยี่ห้อ CISCO







รวมคำสั่งการ Set Router ยี่ห้อ CISCO


1. การตั้ง Channel Group ใหม่


Router(config)# controller e1


เช่น # controller e1 4/0


Router(config)# ch_group timeslots


เช่น # ch_group 4 timeslots 4-16

2. การ Set การ Route IP


Router(config)# ip route


เช่น # ip route 61.19.88.8 255.255.255.254 61.19.47.254

3. การตั้งค่า rate limit


Router(config)# rate-limit dscp conform-action transmit exceed-action drop


เช่น # rate-limit output dscp 1 16000 16000 160000 conform-action transmit exceed-action drop


4. การใส่ password


Console Passwword


Router(config)# line console 0


Router(config-line)# login


Router(config-line)# password cisco

Virtual Terminal Password


Router(config)# line vty 0 4 (for switch use line vty 0 15)


Router(config-line)# login


Router(config-line)# password cisco

Enable Password


Router(config)# enable password cisco

Secret Password


Router(config)# enable secret cisco

Service Password-Encryption Commands (การทำ secret vty ให้เป็นรหัส)


Router(config)# service password-encryption


Router(config)# no service password-encryption

5. การใส่ Banner


Router(config)# banner motd #


พิมพ์ข้อความที่ต้องการใส่ แล้วจบด้วย enter #

6. การทำ SSH (Secure Shell) คือการเข้ารหัสในการ Remote เข้าRouter แทนการ Telnet


Router(config)# username cisco password cisco


Router(config)# ip domain-name เช่น cattelecom.com


Router(config)# crypto key generate rsa


Router(config)# ip ssh version 2


Router(config)# line vty 0 4


Router(config-line)# login


Router(config-line)# transport input ssh


การเข้าใช้งานใช้คำสั่ง


# ssh –l

7. การตั้งเวลา login


Router(config)# line console 0


Router(config-line)# exec-timeout 20 30 (เลข 20 คือค่านาที 30 คือค่าวินาที)


จากคำสั่งเป็นการตั้งค่าให้สามารถ login เข้า router ได้ 20 นาที 30 วินาที





8. การป้องกันการเลื่อนคำสั่ง โดยปกติเมื่อเรากำลัง config routerมักมีการแจ้ง up down ของ router ทำให้มีการเลื่อนข้อความคำสั่ง ทำให้สับสนในการ config เพื่อเป็นการป้องกันการเลื่อนคำสั่งให้ใช้


Router(config)# line console 0


Router(config-line)# logging synchronous


9. การสลับการเข้า function local หรือ remote โดยปกติเมื่อเรา set router มักมีการเข้า local (router ตัวต้นทาง) และมักมีการ remoteเข้าไปตัวปลายทางด้วย ทำให้เราต้องใช้คำสั่ง exit เพื่อทำการ loginหรือ logout สลับไปมา เพื่อให้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องใช้คำสั่ง exit ให้ใช้การกด Control+shift+6 แล้วปล่อย และกด x ตาม จะเป็นการสลับfunction ดังกล่าว


10. การตั้งค่าเวลาเมื่อมีการ debug หรือ log massage ครั้งล่าสุด


Router(config)# service timestamps debug datetime msec

11. การป้องกันเมื่อมีการพิมพ์คำสั่งผิดแล้ว router จะถาม domain


Router(config)# no ip domain-lookup


12. การดู MAC Address ใน Router


Router(config)# sh arp


13. การตั้งเวลา (Set Date & Time)


Router # clock set 10:00:00 Dec 21 2009


14. การ Set ให้ Router Show Logfile


Router(config) # logging buffered 8096 debugging


ที่มา::http://www.east.cat.net.th/maptaput/index.php?option=com_content&view=article&id=85&Itemid=95
read more "รวมคำสั่งการ Set Router ยี่ห้อ CISCO"

การ config router Cisco ขั้นพื้นฐาน

สมมุติว่าเรามีจำนวน site เป็น 2 site และมีการเชื่อมต่อดังรูปที่ 1 โดยกำหนดค่า ip เป็นดังนี้
Wan IP : เป็น 192.168.0.0/30 นั่นคือจะมี ip ในกลุ่มนี้ทั้งหมดเป็น 4 ip คือ 192.168.0.0 - 192.168.0.3 แต่ไอพี 192.168.0.0 เป็น network ip และ ไอพี 192.168.0.3 เป็น broadcast ip ซึ่งนำมาใช้งานปกติไม่ได้ จึงเหลือไอพีที่ใช้งานทั่วไปได้ 2 ip คือ 192.168.0.1 ซึ่งกำหนดให้เป็นไอพีของ serial port (s0) ของ router A และอีกไอพีคือ 192.168.0.2 ซึ่งกำหนดให้เป็นไอพีของ serial port (s0) ของ router B ดังรูปที่ 1
Lan IP ด้าน A : ในที่นี้กำหนดเป็น 192.168.11.0/24 นั่นคือจะมีไอพีใช้งานเป็นหนึ่ง class c คือ 254 ip (ไม่นับnetwork ip และ broadcast ip) คือ 192.168.11.1 - 192.168.11.254 โดยในที่นี้กำหนดให้ไอพี 192.168.11.1 เป็นไอพีของ ethernet port (e0) ของ router A และไอพีสำหรับเครื่องพีซีกำหนดให้ใช้ตั้งแต่ 192.168.11.11 เป็นต้นไป ดังรูปที่ 1
Lan IP ด้าน B : ในที่นี้กำหนดเป็น 192.168.12.0/24 นั่นคือจะมีไอพีใช้งานเป็นหนึ่ง class c เช่นกัน คือ 254 ip(ไม่นับ network ip และ broadcast ip) คือ 192.168.12.1 - 192.168.12.254 โดยในที่นี้กำหนดให้ไอพี 192.168.12.1 เป็นไอพีของ ethernet port (e0) ของ router B และไอพีสำหรับเครื่องพีซีกำหนดให้ใช้ตั้งแต่ 192.168.12.11 เป็นต้นไป ดังรูปที่ 1





รูปที่ 1 การเชื่อมต่อเราเตอร์แบบ Point to point โดยมีจำนวน site เป็น 2 sites



การ Config ที่ router A ให้ทำการคอนฟิกดังต่อไปนี้ :
Router>
Router>ena
Password:
Router>conf t
Router(config)#hostname site-A
site-A(config)#int s0
site-A(config-if)#ip address 192.168.0.1 255.255.255.252
site-A(config-if)#bandwidth 128
site-A(config-if)#encapsulation ppp
site-A(config-if)#no shut
site-A(config-if)#exit
site-A(config)#int e0
site-A(config-if)#ip address 192.168.11.1 255.255.255.0
site-A(config-if)#no shut
site-A(config-if)#exit
site-A(config)#ip route 192.168.12.0 255.255.255.0 192.168.0.2
site-A(config)#exit
site-A#wr mem




ที่ router B ให้ทำการคอนฟิกดังนี้ :
Router>
Router>ena
Password:
Router>conf t
Router(config)#hostname site-B
site-B(config)#int s0
site-B(config-if)#ip address 192.168.0.2 255.255.255.252
site-B(config-if)#bandwidth 128
site-B(config-if)#encapsulation ppp
site-B(config-if)#no shut
site-B(config-if)#exit
site-B(config)#int e0
site-B(config-if)#ip address 192.168.12.1 255.255.255.0
site-B(config-if)#no shut
site-B(config-if)#exit
site-B(config)#ip route 192.168.11.0 255.255.255.0 192.168.0.1
site-B(config)#exit
site-B#wr mem
ถ้าการคอนฟิกและการเชื่อมต่อไม่มีปัญหาก็จะทำให้ site ทั้งสองสามารถติดต่อกันกันได้ การทดสอบก็สามารถทำได้ด้วยการใช้คำสั่ง ping ครับ



การดูค่าของ routing
การดูค่า routing ที่ router A ให้ใช้คำสั่งดังนี้ :

site-A#show ip route
ก็จะมีค่าความหมายของตัวย่อต่าง ๆ แสดงขึ้นมาหลายค่าครับ แต่ในส่วนท้ายจะมีค่าแสดงดังนี้ :
-----------------------------------------------------------------------------
C 192.168.11.0/24 is directly connected, 192.168.11.1
S 192.168.12.0/24 [1/0] via 192.168.0.2
C 192.168.0.0/30 is directly connected, 192.168.0.1
-----------------------------------------------------------------------------
C หมายถึง connected, S หมายถึง static ครับ

การดูค่า routing ที่ router B ให้ใช้คำสั่งดังนี้ :site-B#show ip route
ก็จะมีค่าความหมายของตัวย่อต่าง ๆ แสดงขึ้นมาหลายค่าเช่นกันครับ แต่ในส่วนท้ายจะมีค่าแสดงดังนี้ :
-----------------------------------------------------------------------------
C 192.168.0.0/30 is directly connected, 192.168.0.2
S 192.168.12.0/24 is directly connected, 192.168.12.1
C 192.168.11.0/24 [1/0] via 192.168.0.1
-----------------------------------------------------------------------------
C หมายถึง connected, S หมายถึง static ครับ




อธิบายเพิ่มเติมผมจะขออธิบายเฉพาะส่วนที่สำคัญเท่านั้นนะครับ ซึ่งจากการคอนฟิกที่ผ่านมามีจุดที่เป็นหัวใจสำคัญอยู่จุดหนึ่ง ขอให้ดูตัวอย่างการคอนฟิกที่เราเตอร์ A ก่อนนะครับ ถ้าเราดูรูปแล้วจะเห็นว่าเครือข่ายของ site-A นั่นคือเครือข่ายแลน 192.168.11.0/24 มีความต้องการที่จะต้องติดต่อไปยังเครือข่ายแลน 192.168.12.0/24 ของ site-B วิธีการที่จะทำให้ติดต่อกันได้คือการทำ ip route ซึ่งคำสั่งของ ip route เป็นดังนี้ครับ
#ip route เครือข่ายปลายทางที่ต้องการติดต่อด้วย ผ่านไปทางพอร์ตไหน
โดย "เครือข่ายปลายทางที่ต้องการติดต่อด้วย" ก็ให้ระบุ ip พร้อมกับ subnetmask ของเครือข่ายนั้น ส่วน "ผ่านไปทางพอร์ตไหน" ก็ให้ระบุ ip ของ wan ฝั่งตรงข้ามครับ ดังนั้น ที่เราเตอร์ A จึงได้เป็น :

site-A(config)#ip route 192.168.12.0 255.255.255.0 192.168.0.2

ส่วยที่เราเตอร์ B ก็ใช้หลักการเดียวกันครับ
และเมื่อดูค่า routing ด้วยการใช้คำสั่ง show ip route แล้ว ค่าของเราเตอร์ A จะเป็นดังที่กล่าวมา (ให้ย้อนกลับไปดูค่า routingของเราเตอร์ A) ซึ่งทั้ง 3 บรรทัดมีความหมายดังนี้ครับ :
บรรทัดที่ 1 หมายถึง เราเตอร์ A เชื่อมต่อโดยตรงกับเครือข่ายแลน 192.168.11.0/24 โดยเชื่อมต่อผ่านพอร์ต e0
บรรทัดที่ 2 หมายถึง เราเตอร์ A เชื่อมต่อกับเครือข่ายแลนฝัง site-B คือ192.168.12.0/24 โดยเชื่อมผ่านพอร์ต wanของฝั่งตรงข้าม ซึ่งค่า S ข้างหน้าหมายถึง เป็นการเชื่อมต่อผ่านการทำเราติ้งแบบ Static route
บรรทัดที่ 3 หมายถึง เราเตอร์ A เชื่อมต่อโดยตรงกับเครือข่าย wan 192.168.0.0/30 โดยเชื่อมต่อผ่านพอร์ต wan ของตัวเอง




_________________________________________________



กรณีที่ 2 การเชื่อมต่อแบบ Point to Point โดยมีจำนวน Site เป็น 2 sites ทำ Routing แบบ RIP และencapsulation เป็น ppp










รูปแบบในการเชื่อมต่อเครือข่ายนั้น ให้ใช้เหมือนกับรูปที่ 1 ทุกประการครับ โดยการคอนฟิกในกรณีนี้จะเหมือนกับกรณี 1 ทุกอย่างยกเว้น ไม่มีการใช้คำสั่ง ip route แต่ให้เปลี่ยนไปใช้คำสั่ง router และคำสั่ง network แทนเพื่อกำหนดให้ routing protocol เป็น rip



การ Config ที่ router A ให้ทำการคอนฟิกดังต่อไปนี้ :
Router>
Router>ena
Password:
Router>conf t
Router(config)#hostname site-A
site-A(config)#int s0
site-A(config-if)#ip address 192.168.0.1 255.255.255.252
site-A(config-if)#bandwidth 128
site-A(config-if)#encapsulation ppp
site-A(config-if)#no shut
site-A(config-if)#exit
site-A(config)#int e0
site-A(config-if)#ip address 192.168.11.1 255.255.255.0
site-A(config-if)#no shut
site-A(config-if)#exit
site-A(config)#router rip
site-A(config-router)#network 192.168.0.0 255.255.255.252
site-A(config-router)#network 192.168.11.0 255.255.255.0
site-A(config-router)#exit
site-A(config)#exit
site-A#wr mem
ที่ router B ให้ทำการคอนฟิกดังนี้ :
Router>
Router>ena
Password:
Router>conf t
Router(config)#hostname site-B
site-B(config)#int s0
site-B(config-if)#ip address 192.168.0.2 255.255.255.252
site-B(config-if)#bandwidth 128
site-B(config-if)#encapsulation ppp
site-B(config-if)#no shut
site-B(config-if)#exit
site-B(config)#int e0
site-B(config-if)#ip address 192.168.12.1 255.255.255.0
site-B(config-if)#no shut
site-B(config-if)#exit
site-B(config)#router rip
site-B(config-router)#network 192.168.0.0 255.255.255.252
site-B(config-router)#network 192.168.12.0 255.255.255.0
site-B(config-router)#exit
site-B(config)exit
site-B#wr mem
ถ้าการคอนฟิกและการเชื่อมต่อไม่มีปัญหาก็จะทำให้ site ทั้งสองสามารถติดต่อกันกันได้ การทดสอบก็สามารถทำได้ด้วยการใช้คำสั่ง ping ครับ



การดูค่าของ routing
การดูค่า routing ที่ router A ให้ใช้คำสั่งดังนี้ :

site-A#show ip route
ก็จะมีค่าความหมายของตัวย่อต่าง ๆ แสดงขึ้นมาหลายค่าครับ แต่ในส่วนท้ายจะมีค่าแสดงดังนี้ :
-----------------------------------------------------------------------------
C 192.168.11.0/24 is directly connected, 192.168.11.1
C 192.168.0.0/30 is directly connected, 192.168.0.1
R 192.168.12.0/24 [120/10] via 192.168.0.2, 00:00:33, Serial0
-----------------------------------------------------------------------------
C หมายถึง connected, R หมายถึง RIP ครับ

การดูค่า routing ที่ router B ให้ใช้คำสั่งดังนี้ :site-B#show ip route
ก็จะมีค่าความหมายของตัวย่อต่าง ๆ แสดงขึ้นมาหลายค่าเช่นกันครับ แต่ในส่วนท้ายจะมีค่าแสดงดังนี้ :
-----------------------------------------------------------------------------
C 192.168.0.0/30 is directly connected, 192.168.0.2
C 192.168.12.0/24 is directly connected, 192.168.12.1
R 192.168.11.0/24 [120/10] via 192.168.0.1, 00:00:18, Serial0
-----------------------------------------------------------------------------
C หมายถึง connected, R หมายถึง RIP ครับ

อธิบายเพิ่มเติม
ขออธิบายเฉพาะการทำเราติ้งแบบ rip ของ site-A นะครับ เช่นเดียวกันกับกรณีที่ 1 ครับ เครือข่ายแลนทาง site-A คือเครือข่าย 192.168.11.0/24 จะมีความต้องการติดต่อไปยังเครือข่ายแลนคือเครือข่าย 192.168.12.0/24 ของ site-B วิธีการที่จะให้ติดต่อได้ก็คือการทำ routing ที่เราเตอร์ครับ สำหรับกรณีนี้เลือกการทำ routing แบบ rip ดังนั้นที่เราเตอร์ A จึงต้องใช้คำสั่งดังนี้ :

site-A(config)#router ripหลังจากนั้นก็ให้ใช้คำสั่ง network ซึ่งมีรูปแบบดังนี้ครับ :

#network เครือข่ายที่เชื่อมต่อติดกัน

โดย "เครือข่ายที่เชื่อมต่อติดกัน" กับ site-A มี 2 เครือข่าย คือเครือข่าย 192.168.0.0/30 กับเครือข่าย192.168.11.0/24 ดังนั้นการทำ routing ที่เราเตอร์ A จึงเป็นดังนี้ :

site-A(config)#router rip
site-A(config-router)#network 192.168.0.0 255.255.255.252
site-A(config-router)#network 192.168.11.0 255.255.255.0หลังจากที่ทำการประกาศคำสั่งดังกล่าวแล้ว เราเตอร์ทั้งสองจะมีการเรียนรู้กันเองว่า เราเตอร์ที่ตัวเองติดต่ออยู่ด้วยมีการเชื่อมต่ออยู่กับเครือข่ายอะไรบ้าง จึงทำให้เราเตอร์ทั้งสองมีข้อมูลเครือข่ายของทั้งที่ติดต่อโดยตรงกับตัวเอง และเครือข่ายที่ติดต่ออยู่กับเราเตอร์อีกตัวได้ ซึ่งที่เราเตอร์ A จะมีค่า routing เป็นดังนี้ :

-----------------------------------------------------------------------------
C 192.168.11.0/24 is directly connected, 192.168.11.1
C 192.168.0.0/30 is directly connected, 192.168.0.1
R 192.168.12.0/24 [120/10] via 192.168.0.2, 00:00:33, Serial0
-----------------------------------------------------------------------------บรรทัดที่ 1 หมายถึง เราเตอร์ A เชื่อมต่อโดยตรงกับเครือข่ายแลนของตัวเองคือ 192.168.11.0/22 โดยเชื่อมต่อผ่าน e0ของตัวเอง
บรรทัดที่ 2 หมายถึง เราเตอร์ A เชื่อมต่อโดยตรงกับเครือข่าย wan คือ 192.168.0.0/30 โดยเชื่อมต่อผ่าน s0 ของตัวเอง
บรรทัดที่ 3 หมายถึง เราเตอร์ A เชื่อมต่อกับเครือข่ายแลนของ site-B คือ 192.168.12.0/24 โดยเชื่อมต่อผ่าน พอร์ตwan ฝั่งตรงข้าม โดยการทำเราติ้งแบบ rip (R)



การ config cisco router ยังมีรายละเอียดอื่นๆ ค่อนข้างเยอะ บทความนี้เป็นเพียงขั้นพื้นฐานเท่านั่นครับ


สำหรับในระดับ advance ดูในบทความต่อ ๆ ไปน่ะครับ






ที่มาจาก:: http://www.compspot.net/index.php?option=com_content&task=view&id=58&Itemid=46


ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ::http://www.compspot.net/
read more "การ config router Cisco ขั้นพื้นฐาน"
 

Sample text

Sample Text

Sample Text